หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สานฝันสู่สถาปัตย์



สานฝันสู่สถาปัตย์
                คำว่า สถาปัตย์ สำหรับในมุมมองความคิดของดิฉัน ดิฉันถือว่ามันคือความฝันที่สูงที่สุดอย่างหนึ่งของดิฉัน ดิฉันไม่ได้อยากเป็นอะไรหวานๆอย่างที่ผู้หญิงเขาอยากเป็นกันแต่ดิฉันชอบที่จะวาดรูป ชอบที่จะทำสิ่งแปลกใหม่ ดิฉันอยากที่จะเป็นสถาปนิกคอยออกแบบคิดสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ และดิฉันก็คิดว่าก็ต่างมีใครอีกหลายคนที่มีความฝันเช่นเดียวกับดิฉัน ในการทำเรื่องสานฝันสู่สถาปัตถ์ครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ใครอีกหลายคนที่อยากเดินในเส้นทางนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับสถาปัตและสาขาวิชาต่างๆที่เกี่ยวกับสถาปัตถ์ เพื่อสามารถนำไปต่อยอดสานฝันเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในอนาคต 

            จากการที่ดิฉันได้ศึกษาทั้งในหนังสือและสื่ออินเทอร์เน็ต การที่จะเป็นสถาปัตถ์นั้นมันไม่ได้ง่ายเลย เพราะต้องรู้ก่อนว่าสถาปัตย์คืออะไร และเราชอบมันจริงๆหรือเพียงแค่เราเรียนตามเพื่อน การที่เราจะเรียนอะไรก็ตามถ้าหากเราชอบสิ่งนั้นจริงๆเราก็จะทำมันออกมาได้ดีกว่าสิ่งไหนๆงานสถาปัตย์ไม่ได้เป็นงานที่อยู่ในห้องแอร์ ไม่ได้เป็นงานมั่นคงอะไรมากนักแต่งานสถาปัตย์เป็นงานอิสระไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆตายตัว บางครั้งแค่เพียงความฝันก็อาจจะไม่พอใครที่จะเรียนสถาปัตย์นั้นต้องมีฐานะครอบครัวที่ดีด้วยเพราะจากการที่ศึกษามานั้นในขณะการเรียนนั้นจะต้องมีการจ่ายค่าอุปกรณ์ ตั้งแต่ 100000 บาทขึ้นไปแล้วแต่สาขาวิชา บางคนอาจจะถามว่าสถาปัตย์เรียนทำไม เรียนแล้วจบไปจะมีงานทำหรือเปล่า วันนี้จะขอแนะนำเลยว่า คณะสถาปัตย์มีหลากหลายสาขาวิชาและเมื่อจบไปก็จะมีหลากหลายอาชีพเช่นเดียวกัน อาทิ
- สาขาสถาปัตยกรรม เมื่อจบไปก็จะเป็นนักออกแบบบ้านหรืออาคารบ้านเรือน
-  สาขาสถาปัตยกรรมไทย เมื่อจบไปก็จะเป็นนักออกแบบวัดวาอารามหรือบ้านทรงไทยต่างๆ
- สาขาสถาปัตยกรรมภายใน เมื่อจบไปก็จะเป็นนักออกแบบภายใน อาทิที่เราเห็นกันบ่อยคือ ตามฝาผนังโรงพยาบาลต่างๆหรือในโบสถ์วัดต่างๆ
- สาขาภูมิสถาปัตย์ เมื่อจบไปแล้วก็จะเป็นนักออกแบบภายนอก อาทิ จัดสวน หรือต้นไม้ต่างๆ
- สาขาแผนผังเมืองหรือผังภูมิภาค เมื่อจบก็จะเป็นนักออกแบบแผนผังเมืองต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของไทยก็คือ จังหวัดยะลา

โดยสาขาวิชาเหล่านี้ไม่มีทางตกงาน จากที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเป็นงานอิสระดังนั้นสถาปัตย์จึงไม่เป็นอาชีพตกงานแน่นอนและยังติดอันดับ 10 ของอาชีพในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย โดยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเกือบทุกมหาวิยาลัยที่กำหนด GPA 2.75 ขึ้นไปโดยมีการรับทั้งสายวิทย์-คณิต สายศิลป์-คำนวณ ส่วนสายศิลป์ภาษาบางมหาวิทยาลัยอาจจะไม่รับ เพราะกลัวว่าอาจจะมีปัญหาในภายหลังเรื่องแคลคูลัส  โดยมีมหาลัย 5 อันดับที่เด็กถาปัตย์มักไปเรียนกัน คือ 1 มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ 2 มหาวิทยาธรรมศาสตร์ 3 มหาวิทยาลัยศิลปากร 4  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 5 มหาวิทยาลัยลาดกระบัง
ซึ่งมหาวิทยาลัยเหล่านี้ล่วงใช้หลักเกณฑ์ในการสอบเข้าแบ่งการสอบเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นการสอบ 5 วิชาสามัญ ได้แก่ คณิต ไทย สังคม อังกฤษ และฟิสิก ค่าน้ำหนัก 40% ของการสอบ ส่วนที่ 2 เป็นการสอบความถนัดทางสถาปัตย์หรือเรียกสั้นๆว่า PAT 4 โดยจะมีการแบ่งเป็นสองส่วนๆแรกเป็นข้อสอบปรนัย ส่วนที่สองเป็นข้อเขียนซึ่งแต่ล่ะสาขาวิชาจะมีการสอบที่แตกต่างกันออกไป
            สิ่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้นก็เป็นแนวเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในอนาคตทั้งสิ้น สุดท้ายก็ขอจบประโยชน์ที่กล่าวไว้ว่า

ความฉลาด อาจทำให้เรา...คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ดีกว่าคนอื่น
แต่... ความอดทน จะทำให้เราก้าวถึงเป้าหมาย




อ้างอิง            
http://www.unigang.com/Article/1209




นางสาวจุฑามาศ  โชติรัตน์    เลขที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น