ความเชื่อของตายาย
ความเชื่อ
ความเชื่อของตายายเป็นเรื่องที่มีความเป็นมามาจากคนในสมัยยุคโบราณ ซึ่งบางครอบครัวอาจจะถือเป็นเคล็ดของคนในครอบครัว
ห้ามขานรับเวลาได้ยินเสียงใครเรียกตอนกลางคืน
เพราะผีจะมาเอาตัวไป
ความจริงก็คือเวลากลางคืนนั้นเป็นเวลาที่คนไทยเรานอนหลับกันแล้วค่ะ
ไม่ค่อยจะมีใครออกมาทำอะไรนอกบ้านตอนกลางคืนนัก
เพราะงั้นพวกที่ทำอะไรยามวิกาลมักจะเป็นพวกโจร หรือคนร้ายซะส่วนใหญ่
คนโบราณก็เลยออกอุบายห้ามไม่ให้ขานรับเสียงใครเรียกตอนกลางคืน
เพราะหากมีคนจะลอบทำร้ายเราตอนดึกๆ แต่มันมืดและไม่รู้ว่าเรานอนอยู่ตรงไหน
ถ้าเราดันไปขานรับเสียงเรียกมันเข้า มันก็ฆ่าถูกคนน่ะสิ
ห้ามมองลอดขาตัวเอง เพราะจะเจอผี
ความจริงคือนี่เป็นอุบายไว้หลอกเด็กค่ะ เพราะการก้มมองลอดขาตัวเองนานๆ
พอเงยหน้าขึ้นมาจะทำให้เวียนหัว ทรงตัวไม่อยู่ หน้ามืดจนเซไปชนเอาข้าวของเสียหาย
หรือเป็นอันตรายกับตัวเองได้ เพราะงั้นเพื่อพิสูจน์ความจริงข้อนี้
เรามาลองก้มมองลอดขาตัวเองดูสิคะ จะพบว่าจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรหรอก
ห้ามให้ผู้อื่นถอดแหวนหรือกำไลให้ เพราะจะถูกแย่งคนรัก
อันนี้เป็นการปลูกฝังมารยาทที่ดีให้คนโดยใช้อุบายเป็นเครื่องมือ
หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการใช้อุบายควบคุมความประพฤติของคนในสังคมนั่นเอง
เพราะความจริงคือ คนเราไม่ควรไปถอดเครื่องประดับออกจากตัวคนอื่น
เพราะถือเป็นการก้าวก่ายสิทธิ์และทรัพย์สินของคนอื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ไม่เกี่ยวกับแย่งคนรักใครหรอกค่ะ ไม่เชื่อ ผู้หญิงลองถอดแหวนให้แม่ผู้ชายลองถอดแหวนให้พ่อดูสิ
ความจริงก็คือเวลากลางคืนนั้นเป็นเวลาที่คนไทยเรานอนหลับกันแล้วค่ะ
ไม่ค่อยจะมีใครออกมาทำอะไรนอกบ้านตอนกลางคืนนัก
เพราะงั้นพวกที่ทำอะไรยามวิกาลมักจะเป็นพวกโจร หรือคนร้ายซะส่วนใหญ่
คนโบราณก็เลยออกอุบายห้ามไม่ให้ขานรับเสียงใครเรียกตอนกลางคืน
เพราะหากมีคนจะลอบทำร้ายเราตอนดึกๆ แต่มันมืดและไม่รู้ว่าเรานอนอยู่ตรงไหน
ถ้าเราดันไปขานรับเสียงเรียกมันเข้า มันก็ฆ่าถูกคนน่ะสิ
ห้ามมองลอดขาตัวเอง เพราะจะเจอผี
ความจริงคือนี่เป็นอุบายไว้หลอกเด็กค่ะ เพราะการก้มมองลอดขาตัวเองนานๆ
พอเงยหน้าขึ้นมาจะทำให้เวียนหัว ทรงตัวไม่อยู่ หน้ามืดจนเซไปชนเอาข้าวของเสียหาย
หรือเป็นอันตรายกับตัวเองได้ เพราะงั้นเพื่อพิสูจน์ความจริงข้อนี้
เรามาลองก้มมองลอดขาตัวเองดูสิคะ จะพบว่าจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรหรอก
ห้ามให้ผู้อื่นถอดแหวนหรือกำไลให้ เพราะจะถูกแย่งคนรัก
อันนี้เป็นการปลูกฝังมารยาทที่ดีให้คนโดยใช้อุบายเป็นเครื่องมือ
หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการใช้อุบายควบคุมความประพฤติของคนในสังคมนั่นเอง
เพราะความจริงคือ คนเราไม่ควรไปถอดเครื่องประดับออกจากตัวคนอื่น
เพราะถือเป็นการก้าวก่ายสิทธิ์และทรัพย์สินของคนอื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ไม่เกี่ยวกับแย่งคนรักใครหรอกค่ะ ไม่เชื่อ ผู้หญิงลองถอดแหวนให้แม่ผู้ชายลองถอดแหวนให้พ่อดูสิ
ห้ามนอนตอนพลบค่ำ เพราะวิญญาณจะออกจากร่าง
เรื่องของเรื่องคือเวลาพลบค่ำเป็นเวลาที่คนในบ้านที่ออกไปทำงานนอกบ้านมาทั้งวัน
จะกลับเข้ามาบ้านแล้วก็กินข้าวเย็นก่อนจะนอนหลับ เป็นเวลาครอบครัวค่ะ
เพราะงั้นเวลาพลบค่ำเลยถือเป็นเวลาที่ต้องช่วยกันตระเตรียมอาหารเย็น
ใครเอาเวลานี้ไปนอนถือว่าไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะกินแรงคนอื่นนั่นเอง
ห้ามคนท้องไปงานศพ เพราะวิญญาณคนตายจะมาเกิดแทนลูก
ความจริงก็คือในสมัยก่อนไม่มีเมรุเผาศพ คนไทยจะเผาศพกันบนกองฟืนค่ะ
ซึ่งพอเผาไปแล้วศพจะงอขึ้นมานั่ง เนื่องจากกล้ามเนื้อโดนไฟไหม้
และแน่นอนว่ามันย่อมเป็นภาพที่น่ากลัวและอุจาดตาแก่ผู้พบเห็น
โดยเฉพาะกับคนท้อง ถ้าหากเห็นภาพเหล่านั้นก็อาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจ
จนอาจจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องได้ คนโบราณก็เลยออกอุบาย
เพื่อให้คนท้องหลีกเลี่ยงจากความเศร้า ความเครียด และความไม่สบายใจนั่นเองค่ะ
เรื่องของเรื่องคือเวลาพลบค่ำเป็นเวลาที่คนในบ้านที่ออกไปทำงานนอกบ้านมาทั้งวัน
จะกลับเข้ามาบ้านแล้วก็กินข้าวเย็นก่อนจะนอนหลับ เป็นเวลาครอบครัวค่ะ
เพราะงั้นเวลาพลบค่ำเลยถือเป็นเวลาที่ต้องช่วยกันตระเตรียมอาหารเย็น
ใครเอาเวลานี้ไปนอนถือว่าไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะกินแรงคนอื่นนั่นเอง
ห้ามคนท้องไปงานศพ เพราะวิญญาณคนตายจะมาเกิดแทนลูก
ความจริงก็คือในสมัยก่อนไม่มีเมรุเผาศพ คนไทยจะเผาศพกันบนกองฟืนค่ะ
ซึ่งพอเผาไปแล้วศพจะงอขึ้นมานั่ง เนื่องจากกล้ามเนื้อโดนไฟไหม้
และแน่นอนว่ามันย่อมเป็นภาพที่น่ากลัวและอุจาดตาแก่ผู้พบเห็น
โดยเฉพาะกับคนท้อง ถ้าหากเห็นภาพเหล่านั้นก็อาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจ
จนอาจจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องได้ คนโบราณก็เลยออกอุบาย
เพื่อให้คนท้องหลีกเลี่ยงจากความเศร้า ความเครียด และความไม่สบายใจนั่นเองค่ะ
อ้างอิง
http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=2947&read=true&count=true
นางสาวสิริยากร ธรรมจง เลขที่ 17
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น